เสริมความปลอดภัยบน VPC ด้วยการใช้ AI กับ Virtual Next-Generation Firewall

เสริมความปลอดภัยบน VPC ด้วยการใช้ AI กับ Virtual Next-Generation Firewall

ปัจจุบันนั้นการทำงานบน Cloud เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้นในหลายองค์กร เนื่องด้วยข้อดีในเรื่องของความรวดเร็ว ความยืดหยุ่นในการใช้งาน การเรียกใช้และการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆภายในองค์กรต่างก็ทำได้ง่ายดายไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ที่ไหน ทำให้ในหลายองค์มีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานในส่วนต่างๆเข้ามาไว้ใน Cloud มากยิ่งขึ้น ในบทความนี้แอดมินเลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านรู้จักกับ Virtual Private Cloud (VPC) และโซลูชันที่รักษาความปลอดภัยสำหรับเจ้า Virtual Private Cloud (VPC) อย่าง Virtual Next-Generation Firewall กันบ้างดีกว่าค่ะ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่มีความสนใจหรือเริ่มมีการหันมาใช้งาน Virtual Private Cloud (VPC) และกำลังมองหาโซลูชันความปลอดภัยไปพร้อมๆกับการใช้ Virtual Private Cloud (VPC) กันดีกว่าค่ะ  

Virtual Private Cloud (VPC) คืออะไร? 

Virtual Private Cloud (VPC) คือบริการที่องค์กรสามารถสร้าง Cloud ส่วนตัว (private cloud) ที่ใช้ภายในองค์กรเองเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วรันอยู่บน Cloud สาธารณะ (public cloud) อีกทีหนึ่งนั่นเองค่ะ โดยทางองค์กรสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมระบบเครือข่ายเสมือนของทางองค์กรเองได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดทรัพยากร การเชื่อมต่อ และการรักษาความปลอดภัย เช่นการเลือกช่วงที่อยู่ IP ของคุณเอง สร้างซับเน็ต และกำหนดค่าตารางเส้นทาง เป็นต้น 

Virtual Private Cloud (VPC) จะดูเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการทำงานบน Cloud ที่มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสำหรับองค์กร แต่ในยุคปัจจุบันที่ภัยบนโลกออนไลน์นั้นมีความหลากหลายและร้ายแรงมากยิ่งขึ้น การป้องกันไว้อีกชั้นด้วยโซลูชัน ความปลอดภัยอย่างเจ้าตัว Virtual Next-Generation Firewall ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีปกป้องข้อมูลขององค์กรคุณได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าโซลูชัน Virtual Next-Generation Firewall คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรสำหรับป้องกันจุดบอดต่างๆบน Virtual Private Cloud (VPC) ได้บ้าง  

Virtual Next-Generation Firewall คืออะไร? 

Virtual Next-Generation Firewall เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็น Next-Generation Firewall ในรูปแบบที่สามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มเสมือน อย่าง VPC ได้ โดยเจ้าตัว Virtual Next-Generation Firewall นั้น ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและระบุภัยคุกคามที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์, ระบุกิจกรรมที่ผิดปกติได้ ทำให้เจ้าตัว Virtual Next-Generation Firewall มีความสามารถในการตรวจจับและป้องกันการบุกรุกในระดับที่สูง มีประสิทธิภาพในการควบคุมการเข้าถึงและป้องกันการทำลายข้อมูลที่สำคัญในเครือข่ายได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ  

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://docs.fortinet.com/  

คุณสมบัติของ Virtual Next-Generation Firewall 

1.การรักษาความปลอดภัยขอบเขตเครือข่าย 

Virtual Next-Generation Firewall สามารถปกป้องเครือข่ายจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและภัยคุกคามจากภายนอกได้ด้วยการควบคุมการรับส่งข้อมูลตามโปรโตคอล, พอร์ต, แอปพลิเคชัน และข้อมูลประจำตัวผู้ใช้ 

2.การควบคุมแอปพลิเคชัน 

Virtual Next-Generation Firewall มีความสามารถในการตรวจจับและควบคุมการใช้งานแอพลิเคชันในเครือข่าย, ช่วยป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสมหรือเสี่ยงต่อความปลอดภัยได้. 

3.การตรวจจับภัยคุกคาม 

Virtual Next-Generation Firewall จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลภัยคุกคามต่างๆด้วย AI และใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักร Machine Learning (ML) เพื่อตรวจจับและป้องกันการโจมตีที่ใหม่และทันสมัย ทำให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา. 

4.การเข้าถึงระยะไกลที่ปลอดภัย 

นับเป็นอีกหนึ่งโซลูชันความปลอดภัยบน Cloud ที่ทางองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น โดยเจ้า Virtual Next-Generation Firewall สามารถใช้งานร่วมกับ IPsec VPN และ SD-WAN ในการอนุญาตให้พนักงานที่ทำงานระยะไกลและสาขาต่างๆเข้าถึงทรัพยากรบน Virtual Private Cloud (VPC) ได้อย่างปลอดภัย. 

5.การเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่ม (Clustering) และการจำแนกข้อมูล 

Virtual Next-Generation Firewall สามารถใช้ AI ช่วยในการจัดกลุ่มข้อมูลและจำแนกความเสี่ยงต่างๆได้ ทำให้มีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการโจมตีได้เป็นอย่างดีและรวดเร็วนั้นเองค่ะ  

การนำ AI มาใช้ใน Virtual Next-Generation Firewall ช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันและตรวจจับภัยคุกคามในเครือข่ายเสมือน, ทำให้สามารถรับมือกับรูปแบบการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  

สำหรับองค์กรที่มีความสนใจหรือเริ่มมีการหันมาใช้งาน Virtual Private Cloud (VPC) และกำลังมองหาโซลูชันความปลอดภัยไปพร้อมๆกับการใช้ Virtual Private Cloud (VPC) หรืออยากหาโซลูชันความปลอดภัยบน Cloud อื่นๆเพิ่มเติม แอดมินแนะนำให้คุณผู้อ่านทำการปรึกษากับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและให้บริการด้านโซลูชันความปลอดภัย ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณผู้อ่านได้โซลูชันรักษาความปลอดภัยบน Cloud ที่เหมาะสมกับการทำงานของทางองค์กรและสามารถใช้โซลูชันนั้นให้สามารถปกป้องข้อมูลของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเองค่ะ 

ติดต่อสอบถาม Netmarks ได้ที่  

Website Contact Us: https://www.netmarks.co.th/contact-us  

E-mail: marketing@netmarks.co.th  

Facebook: Netmarks Thailand  

Line OA: @netmarksth  

Tel: 0-2726-9600 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://aws.amazon.com/th/vpc/ , https://www.fortinet.com/products/public-cloud-security/cloud-native-firewall 

Similar Posts