E-Tax Invoice on Web Application 

ถึงเวลาเปลี่ยน!! 🔄 จากการอนุมัติเอกสารกระดาษแบบเดิมๆ 📄 ให้เป็นระบบจัดการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) 💻 ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) 🌐💡 

🎉 จากการทำงานในรูปแบบเดิมที่ผู้ประกอบการต้องจัดทำใบกำกับภาษี (Tax Invoice) รูปแบบกระดาษส่งให้ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ซึ่งมีต้นทุนหลายอย่าง ไม่เพียงแค่ค่ากระดาษและหมึกพิมพ์ ยังมีค่าใช้จ่ายในการจัดส่งและการเก็บรักษาเอกสารด้วย เพราะฉะนั้น จะดีกว่าไหม? ถ้าเราสามารถลดต้นทุนทุกอย่างได้ในทีเดียว และจัดการกับเอกสารจำนวนมากที่ต้องทำการจัดเก็บ ด้วยระบบจัดการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ในการเข้าระบบอนุมัติ ระบบสามารถตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งานระบบอนุมัติใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีชื่อล็อกอิน รหัสผ่าน และสิทธิ์การเข้าใช้งานแต่ละเมนูด้วยค่ะ ✨ 

วันนี้แอดมินจะพามารู้จัก E-Tax Invoice on Web Application หมายถึงการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) โดยไม่ต้องใช้กระดาษเป็นสื่อกลางในการออกใบกำกับภาษี การใช้ E-Tax Invoice ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน เพราะข้อมูลสามารถถูกส่งและบันทึกในระบบอัตโนมัติ ทำให้การเสียเวลาและค่าใช้จ่ายลดลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความถูกต้องในการบันทึกข้อมูลภายในระบบด้วยการลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการที่มนุษย์ดำเนินการโดยตรงด้วย การใช้ E-Tax Invoice ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงกระบวนการธุรกิจและการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Feature สำคัญที่ช่วยให้ระบบ E-Tax Invoice ผ่าน Web Application ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบ ERP ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฟังก์ชันที่มีความซับซ้อน ได้แก่ 

  1. Digital Signature on PDF: คุณลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงลายเซ็นดิจิทัลบนเอกสาร PDF ได้โดยตรงผ่านเว็บแอปพลิเคชัน เพื่อยืนยันความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของใบกำกับภาษีและเพิ่มความปลอดภัยในข้อมูลด้วย 
  1. API – JSON format (Connect with Customer API): คุณลักษณะนี้ช่วยให้ระบบ E-Tax Invoice สามารถเชื่อมต่อกับระบบลูกค้าผ่าน API ในรูปแบบ JSON โดยตรง ทำให้สามารถรับและส่งข้อมูลเอกสาร เช่น ใบกำกับภาษี ให้ลูกค้าบริษัทในเครือ และลูกค้าโดยตรงได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว  
  1. Responsive Web Design: การออกแบบเว็บแอปพลิเคชันให้มี Responsive Web Design ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้งานระบบได้ทุกแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น 
  1. LDAP Authentication: คุณลักษณะนี้ช่วยให้ระบบสามารถใช้งานระบบ LDAP (Lightweight Directory Access Protocol) เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน ทำให้มีระบบการเข้าถึงและความปลอดภัยของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น 
  1. Multiple Approval Levels: คุณลักษณะนี้ช่วยให้ระบบสามารถกำหนดระดับการอนุมัติใบกำกับภาษีได้หลายระดับตามที่ต้องการ ทำให้สามารถจัดการกระบวนการอนุมัติอย่างมีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของระบบดีขึ้น 

Feature ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับระบบ E-Tax Invoice ผ่าน Web Application ให้ในการบริหารจัดการระบบใบกำกับภาษีและกระบวนการทางธุรกิจอื่นๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ 

การเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีผลลัพธ์ที่ดีและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับระบบ E-Tax Invoice ผ่าน Web Application ใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง ดังนี้ค่ะ 

  1. Front-end: Blazor (Microsoft) 
  • Blazor เป็นเฟรมเวิร์กที่พัฒนาโดย Microsoft ช่วยให้การสร้างแอปพลิเคชันเว็บไซต์โดยใช้ภาษา C# ฝั่ง Front-end ได้ ทำให้การพัฒนาและการจัดการโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพ และยังเข้าถึงข้อมูลและการทำงานกับ Backend ได้สะดวกด้วยการใช้ C# สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย 
  1. Backend: C# (.NET Core) 
  • การใช้ C# ใน Backend ด้วย .NET Core เป็นการเลือกที่ดีเนื่องจาก.NET Core เป็นเวอร์ชันที่พัฒนาต่อยอดของ 
    .NET Framework ซึ่งมีความสามารถในการจัดการข้อมูลที่ดี โดย .NET Core ยังช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล SQL Server 2019 ได้อย่างราบรื่น  
  1. ฐานข้อมูล SQL Server 2019 
  • SQL Server 2019 เป็นฐานข้อมูลที่มีความสามารถในการจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม และมีความปลอดภัยที่ดีในการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบ E-Tax Invoice ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย 

🌟ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ คุณจะได้ระบบ E-Tax Invoice ผ่าน Web Application ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการพัฒนา การเข้าถึงข้อมูล และการจัดการข้อมูลและมีความเชื่อถือในการใช้งานค่ะ✨ 

ดังนั้น การเปลี่ยนจากเอกสารอนุมัติแบบเดิมๆ ให้เป็นระบบ E-Tax Invoice ผ่าน Web Application เป็นการลงทุนที่ดีและสามารถลดต้นทุนทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและเวลาได้มากขึ้น 🔑 การเลือกปรึกษาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพ 🌐💼 ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้องค์กรของคุณได้โซลูชันที่เหมาะสม คุ้มค่า 💰และเชื่อมโยงกับยุคดิจิทัลได้อย่างดีทีเดียวค่ะ

ติดต่อสอบถาม Netmarks ได้ที่

Website Contact Us: https://www.netmarks.co.th/contact-us

E-mail: marketing@netmarks.co.th

Facebook: Netmarks Thailand

Line OA: @netmarksth

Tel: 0-2726-9600

Similar Posts