Server Infrastructure
Server
Tower-Type Server : เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่มีลักษณะเป็นเครื่องแนวตั้ง มีลักษณะคล้ายกับ Desktop PC ที่วางตาม Office ทั่วๆ ไป เหมาะกับสถานที่ที่ไม่มีตู้ Rack ของ Server โดยเฉพาะ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสำนักงาน/สำนักงานสาขา ขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือโฮมออฟฟิศ และ Server ชนิดนี้จะมีราคาถูกกว่า Server ชนิดอื่นๆ ที่มี Specification เทียบเท่ากัน
Rackmount-Type Server: เป็น Server ที่ถูกออกแบบให้นำไปติดตั้งไว้ในตู้ Rack ได้ เพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง และเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมาะสำหรับงานศูนย์ Data Center
Storage
Network Attach Storage (NAS) : เป็น Storage ทำงานเสมือนเป็น Server ตัวหนึ่งที่เชื่อมต่อเข้ากับ Network ผ่านเครือข่าย LAN Switch เหมือน Server ทั่วไป และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi ได้ด้วย Storage ชนิดนี้มักถูกนำไปใช้เป็น File Server เพื่อแชร์ไฟล์ข้อมูลต่างๆผ่านระบบเครือข่ายให้กับผู้ใช้งาน หรือเป็นที่เก็บข้อมูลของ Application ที่ไม่ต้องการ I/O สูง
ประเภทของงานที่เหมาะกับการเลือกใช้ NAS คือ
- การจัดเก็บข้อมูลสำรอง (Backup Data)
- งานระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)
- การแชร์ไฟล์ข้อมูล (File Server)
Storage Area Network (SAN) : เป็น Storage ที่มี Performance เหนือกว่า NAS และสามารถขยายพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลได้มากกว่า SAN จะถูกเชื่อมต่อกับ Server ได้หลายๆเครื่อง ผ่านเครือข่าย SAN Switch ซึ่งแยกเป็นคนละ เครือข่ายกับ LAN ซึ่งโดยทั่วไป SAN ใช้ Interface แบบ Fiber Channel (FC) ซึ่งมีความเร็วสูง ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่า เหมาะสำหรับ Application ที่มีต้องการความพร้อมใช้ น่าเชื่อถือและประสิทธิภาพสูง
ประเภทของงานที่เหมาะกับการเลือกใช้ SAN คือ
- การประมวลผลประสิทธิภาพสูง High Performance Computing
- จัดเก็บฐานข้อมูล Database ที่มีขนาดใหญ่ และซับซ้อน
- การจัดทำ Virtualization / Cloud Data Center
- การตัดต่อวิดีโอ Video Editing
Tape Cartridge : เป็นการเก็บข้อมูลในรูปแบบของม้วนเทป ซึ่งอาศัย Tape Drive หรือ Tape Library ซึ่งควบคุมการทำงานโดย Backup Server เป็นตัวเขียน และอ่านข้อมูล การเก็บข้อมูลในลักษณะนี้เหมาะสำหรับการ Backup ข้อมูลที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก อัตราการเขียน และอ่านข้อมูลจะช้ากว่า Storage ชนิดอื่น แต่การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของม้วนเทปแบบดั้งเดิมยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีการที่ประหยัดและปลอดภัยเพื่อปกป้องและรักษาข้อมูลที่คุณเข้าถึงไม่บ่อย แต่จำเป็นในระยะยาว ตอบสนองความต้องการในการเก็บรักษา และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ต้องมีการสำรองข้อมูลแบบ Off-Site ก็สามารถทำได้ง่าย
VMWare
Virtualization Technology เป็นเทคโนโลยีที่จำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ virtual machine ขึ้นมาทั้งเครื่องภายใต้ hardware ชุดเดียวกัน ด้วยเทคนิคนี้ทำให้เครื่อง Server เครื่องเดียวสามารถทำตัวได้เหมือนกับมีคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องทำงานขนานกันไป และอนุญาตให้ทำการรันระบบปฏิบัติการหลายๆ ระบบได้พร้อมกัน และมีความเป็นอิสระไม่ขึ้นอยู่กับเครื่อง server จริงแม้ว่าจะเป็นคนละPlatform กันก็ตาม ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรของเครื่อง server ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจะเป็นการแชร์ Resource ต่างๆ ของเครื่องหลัก เช่น CPU, Memory, Hard Disk และอื่นๆ ของเครื่อง server 1 เครื่องหรือมากกว่านั้น ให้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ (Operating System), Software และ Application ได้จำนวนมาก และยังสามารถทำงานพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน platform เดียวกันหรือคนละ Platform กันก็ตาม
ประโยชน์ของ Virtualization
Our services
1. Migrate from Bare-metal or Physical Server to Virtualization วิธีนี้จะเรียกว่า P2V ย่อมาจาก Physical to Virtual โดยจะทำการติดตั้ง server virtualization ไว้ก่อน จากนั้นก็จะทำการ convert physical server ให้เป็น virtual machine และ import เข้าระบบ virtualization
2. Migrate from existing version to new version and hardware วิธีนี้จะเป็นการ Migrate version ไปยัง hardware ชุดใหม่ นั่นหมายความว่าลูกค้าจะต้องใช้ server virtualization อยู่ก่อนแล้ว โดยจะทำการ Migrate จาก version เดิมไปเป็น version ใหม่บน hardware ชุดใหม่
3. Upgrade from existing version to existing Hardware วิธีนี้จะเป็นการ upgrade version จาก version เดิมที่ลูกค้าใช้งานอยู่ ไปเป็น version ใหม่ บน hardware ชุดเดิม ซึ่ง version ที่จะสามารถ upgrade ได้ จะขึ้นอยู่กับ hardware ว่าสามารถรองรับได้ที่ version ใด
Hyper Converged Infrastructure (HCI)
Hyper-Converge Infrastructure เป็นการนำเทคโนโลยี Hyper-Converged มาควบรวม IT Infrastructure ทั้ง Server Storage และ Network ไว้ในระบบเดียว สามารถรองรับการขยายได้ (Scalable) โดยใช้ Software Defined เพื่อให้ Hardware ทุกๆ เครื่องเชื่อมหากัน ทำงานได้ต่อเนื่อง หากระบบใดมีปัญหา ระบบอื่นสามารถทำงานแทนได้
1. Physical คือ Server ที่แยกการทำงานกันอย่างชัดเจน ซึ่ง Server แต่ละเครื่อง เชื่อมต่อ Storage บน SAN หรือ NAS เดียวกัน
2. Virtual โดยการนำ Server มาลง Hypervisor แล้วติดตั้ง Guest VM เชื่อมต่อ Storage บน SAN หรือ NAS เดียวกัน
3. Software Defined Storage (SdS) โดยการนำ Server มาลง Hypervisor แล้วติดตั้ง Guest VM เชื่อมต่อ Storage บน SAN NAS หรือ DAS ซึ่ง จะช่วยลดความเสี่ยงของ Server ต่างจากเดิมที่ Storage ไปอยู่หลัง Server หากเครื่องใดเครื่องหนึ่ง Storage พังก็จะล้มทั้งระบบ คือ การนำ Server มาลง Hypervisor ตัวอย่างเช่น VMware ESXi หรือ Microsoft Hyper-V แล้วสร้าง Guest VM ขึ้นมา 1 ตัวสำหรับติดตั้ง Software จากนั้นดึง Disk จาก Server ทุกเครื่องมาทำ Storage Pool โดยใช้โปรโตคอลมาตรฐาน NFS แล้วให้ Server แต่ละเครื่องใช้งาน Storage Pool ร่วมกัน การเชื่อมต่อเป็นแบบ Server to Server อาจจะต่อกันด้วย Fiber Channel เพื่อให้ได้ความเร็ว HCI ส่วนใหญ่ใช้ Network ระดับ 10Gb เทียบได้กับ Interface transfer rate ของ Storage ได้
HCI Architectures
Disk
Network
Data Tiering
หากทำเป็นแบบ Hybrid แบ่งการทำ Data Storage เป็น 2 Tiering คือ
- Cache ค่า Cache มาก Performance ก็มาก โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยัง caching ของ SSD ทั้งการอ่านและการเขียน ก่อนที่จะไปเขียนลง Data Storage จริง
- การจะจายข้อมูล HCI Data Hight Availability จะใช้วิธีการกระจายในการเขียน เช่น Data เข้ามา 1 ชุด จะทำการเขียนหลาย copy เช่น RF3 จะแบ่งการเขียนเป็น 3 ชุดกระจายไปยังโหนด ซึ่งไม่มีการทำ RAID แล้ว
การแบ่ง Network เช่น 3Gbps สำหรับ NFS , 2.5Gbps สำหรับ VM